ขนมหวานไทย ๆ เลือกกินอะไรดีนะ ! <<
ขนมไทย ๆ มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าพวกขนม Junk Food แน่
แต่แคลอรี่ก็ไม่น้อยเหมือนกันในปริมาณ 100 กรัมเท่า ๆ กัน
มาดูซิว่าอะไรน่ากลัวที่สุด
ขนมไทย
เม็ดขนุน 374 Kcal
ทำมาจากถั่วเขียวกวนกับกะทิและน้ำตาล จากนั้น นำมาชุบไข่
และต้มในน้ำเชื่อม จึงมีโปรตีนจากถั่วประมาณ 10 กรัม มีแคลเซียม 116
มิลลิกรัม และมีฟอสฟอรัสถึง 210 มิลลิกรัม ถ้าอยากกินมาก ๆ
เม็ดสองเม็ดก็พอไหว เพราะหนึ่งเม็ดหนักแค่ประมาณ 10 กรัมเท่านั้น
Better : ลูกชุบ 284 Kcal
ทำจากถั่วเขียวกวนคล้าย ๆ กัน
แต่เปลี่ยนจากชุบไข่มาเป็นชุบวุ้นใส ๆ แทน พลังงานก็เลยหดหาย
แต่คุณค่าทางโภชนาการจากถั่วยังคงอยู่ แต่ก็ควรระวังเรื่อง "สี" สักหน่อย
เลือกกินลูกที่สีอ่อน ๆ ไม่ค่อยฉูดฉาด หรือใช้สีจากธรรมชาติจะดีกว่า
ขนมไทย
ฝอยทอง 440 Kcal
แม้จะมีวิตามินเอถึงประมาณ 307 RE และฟอสฟอรัสสูงถึง 205
มิลลิกรัม แต่พลังงานก็สูงปรี้ด และคอเลสเตอรอลก็พุ่งได้ง่าย ๆ
เพราะทำจากไข่แดงล้วน ๆ
Better : ทองหยอด 299 Kcal
ในบรรดาขนมหวานตระกูล "ทอง" ทองหยอดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เพราะ 100 กรัม มีประมาณ 15 ลูก หรือก็คือให้พลังงานประมาณ 20 Kcal ต่อลูก
ดังนั้น หากกินสัก 2-3 ลูก ให้พอหายอยากก็โอเค
ขนมไทย
ขนมลา 439 Kcal
ขนมขึ้นชื่อของภาคใต้ชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำผึ้ง ใน 100
กรัม มีคาร์โบไฮเดรตถึง 70.3 กรัม แต่ก็มีวิตามินบี 1 บี 2 และไนอะซิน
0.13, 2.09 และ 2.0 มิลลิกรัมตามลำดับ
Better : ขนมปลากริม 103 Kcal
100 กรัมก็คือประมาณ 1 ถ้วยเล็ก ๆ อร่อยครบรสทั้งหวานมัน เค็ม
แต่พลังงานไม่พุ่งปรี๊ดอย่างที่คิด
จะเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยการใส่เผือกต้ม ก็อร่อยไปอีกแบบ
ขนมไทย
ข้าวเหนียวสังขยา 270 Kcal
ข้าวเหนียวมูนหวานมันโปะด้วยสังขยาหวาน ๆ พลังงานจะสูงก็ไม่แปลก
แต่ที่น่ากังวลก็คือโซเดียมที่สูงถึง 315 มิลลิกรัม กินบ่อย ๆ
ความดันโลหิตสูงอาจมาเยือนได้
Better : สังขยาฟักทอง 280 Kcal
ถึงจะให้พลังงานมากกว่านิดหน่อย
แต่เปลี่ยนจากข้าวเหนียวมาเป็นฟักทองนึ่ง ยังไงก็เฮลตี้กว่า
เพราะฟักทองอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระนั่นเอง
ทับทิมกรอบ
Did You Know? : ประโยชน์ของกะทิก็มีไม่น้อย
ช่วยให้กระดูกแข็งแรง กะทิ 1 ถ้วย มีฟอสฟอรัสถึง 240 มิลลิกรัม
ซึ่งสารนี้ก็มีความสำคัญต่อความแข็งแรงของกระดูกไม่แพ้แคลเซียมเลยทีเดียว
ผ่อนคลายความเครียด
แมกนีเซียมในกะทิช่วยบล็อกไม่ให้เซลล์ประสาททำงานมากเกินไป
กล้ามเนื้อจึงคลายตัว และยังมีฤทธิ์รักษาความดันโลหิตคงที่
ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ลดการติดเชื้อ
ในกะทิจะมีกรดไขมันชนิดหนึ่งชื่อว่า "กรดลอริก"
ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสารแอนตี้ไวรัสและแอนตี้แบคทีเรีย
ชื่อ "โมโนลอริน" ภูมิคุ้มกันแบคทีเรียและไวรัสของคุณจึงแข็งแรงขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น